[ขั้นตอนง่ายๆ] เลือกไฟให้เหมาะกับแต่ละห้อง
ไฟถือเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญในบ้าน Asgard Design จึงเอาข้อมูลดีๆ มาฝากเพื่อนๆไว้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อหลอดไฟและการเลือกใช้แสงไฟให้เหมาะสมกับห้องต่าง ๆ ภายในบ้านจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนควรรู้ข้อมูลก่อนซื้อ

โทนสีหลอดไฟ

1. แสง Warm White
- แสงโทนสีแดงอมส้ม นิยมใช้สร้างบรรยากาศให้ดูผ่อนคลาย
- แสง Warm White ทำให้สีของวัตถุผิดเพี้ยน
- นิยมใช้ในห้องนั่งเล่น ห้องนอนให้ความรู้สึกนุ่มนวล อบอุ่น ชวนพักผ่อน
2. แสง Cool White
- แสงโทนสีขาวอยู่ระหว่างแสง Daylight กับแสง Warm White
- ให้ความรู้สึกทันสมัย สว่าง สะอาด
- ใช้กับห้องที่ต้องการความสดใส เช่น ห้องทำงาน
3. แสง Daylight
- แสงโทนสีขาวอมฟ้า มองเห็นได้ชัดเจนที่สุด
- คล้ายแสงธรรมชาติในตอนกลางวัน จึงได้ค่าสีไม่เพี้ยน
- ใช้กับบริเวณที่ต้องการเห็นรายละเอียดชัดเจน เช่น โต๊ะแต่งหน้า โต๊ะทำงานฝีมือ
รูปแบบไฟ

1. Ambient Light/ไฟบริเวณ
ไฟที่ให้แสงสว่างพื้นที่โดยรวมของห้องนั้น ๆ เช่น ไฟซาลาเปา ไฟแขวนกลางห้อง
2. Accent Light/ไฟส่องเน้น
ไฟที่ช่วยส่งเสริมความสวยงามของพื้นที่ให้เป็นจุดสนใจ เช่น ไฟส่องภาพแขวนผนังหรืองานศิลปะ
3. Task Light/ไฟเฉพาะจุด
ไฟที่ให้แสงสว่างเฉพาะจุด เช่น โคมไฟตั้งโต๊ะ ไฟแขวนเหนือโต๊ะกินข้าว ไฟหัวเตียง
4. Concealed Light/ไฟหลืบ
ไฟที่ติดตั้งในตำแหน่งที่เราไม่สามารถมองเห็นหลอดไฟ เห็นเพียงแต่แสงสว่างเท่านั้น เช่น ไฟหลืบในผนัง ไฟใต้ตู้ในครัว
เลือกไฟห้องแบบไหนดี

Living Room
ให้ความสว่างที่สามารถปรับเพิ่ม-ลดได้ตามการใช้งาน
- ไฟเพดาน, ไฟตั้งโต๊ะ, ไฟส่องผนัง, ไฟตกแต่ง

Dining Room
ให้แสงที่สวยงามเหนือโต๊ะอาหารสร้างมิติของแสงรอบ ๆ ห้อง
- ไฟแขวนเหนือโต๊ะอาหาร, ไฟส่องผนัง

Kitchen
ต้องการความสว่างของแสงที่เหมาะสมสำหรับการทำอาหาร
- ไฟเพดาน, ไฟใต้ตู้แขวน, ไฟเหนือเตา

Home Office
ให้ความสว่างและสว่างมากในบางจุด
- ไฟส่องผนัง, ไฟตั้งโต๊ะที่ปรับได้

Bathroom
ให้ความสว่างแต่ไม่สว่างจนเกินไป
- ไฟเพดาน, ไฟซ่อนหลังกระจก

Bathroom
ให้ความสว่างแต่ไม่สว่างจนเกินไป
- ไฟเพดาน, ไฟซ่อนหลังกระจก